ช่วงเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีเอกสารเผยแพร่ชุดหนึ่งของ Google ที่เป็นเรื่องที่ฮือฮาพอสมควร จากที่ดาวน์โหลดมาพบว่าเป็นเอกสารขนาด 160 หน้า ที่มีชื่อว่า Search Quality Evaluator Guidelines ซึ่งที่ดูเป็นเรื่องฮือฮานั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายเพจเขียนไปขนาดที่ว่าเป็นการเปิดเผยความลับวิธีการจัดอันดับ เอาเข้าจริง มันไม่ใช่ว่าอ่านจบแล้วจะสามารถทำ SEO ให้ได้ผลเพียงชั่วข้ามคืนอยู่แล้ว และผมเองก็ไม่คิดว่า Google จะทำเช่นนั้น แต่ก็เชื่อว่าหลายคน (ที่ยังไม่ได้อ่าน) คงอยากรู้ว่าใน 160 หน้านั้น สาระสำคัญที่ Google ต้องการจะบอกเราคืออะไร ซึ่งทาง www.searchenginejournal.com ได้ทำบทความสรุปไว้ดังนี้
“The Need for Expert Writers” คือสิ่งที่ Google ต้องการ
อย่างที่เรารู้กันว่า Google ต้องการให้เนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ สดใหม่ และไม่ซ้ำกับใคร ซึ่งอัลกอริธิมหลายอย่างที่ออกมาอย่างต่อเนื่องก็เน้นไปที่การปรับเพิ่มอันดับให้กับเพจที่มีเนื้อหาที่ดี และลดอันดับเพจที่มีเนื้อหาซ้ำหรือก๊อปปี้คนอื่นมาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เอกสารชุดนี้พยายามเน้นย้ำเรื่อง “expert writers” ที่สามารถผลิตเนื้อหาที่มีความเป็น “ต้นฉบับ” ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นปัจจัยตัวใหม่ที่จะนำมาใช้ในการนำมาจัดอันดับ Search Ranking
E.A.T : expert, authority and trustworthiness
สามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ Google พยายามมองหาจากเว็บเพจต่างๆ และจะเป็นปัจจัยที่เป็นตัวชี้วัดว่าแต่ละเพจนั้นมีความเป็น High Quality Page หรือไม่ และสิ่งที่ Google พยายามอธิบายใน Guideline นั้นคือประโยคนี้
in order for a page to possess those qualities, it needs to feature “expert” content written by “expert” writers:
ตัวอย่างของบทความลักษณะ expert writers เช่น
- บทความที่ให้คำแนะนำทางการเงิน คำแนะนำด้านภาษี หรือคำแนะนำด้านกฎหมาย ควรจะเขียนโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญคือนักการเงินและนักกฏหมายจริงๆ และจะต้องมีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
- บทความที่เกี่ยวกับงานอดิเรก เช่นฮอกกี้ ขี่ม้าหรือการถ่ายภาพ ก็ควรต้องมีนักเขียนผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับสิ่งที่เขียน
แล้วใครคือ Expert ?
Google อธิบายว่า ขึ้นอยู่กับ topic นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น รีวิวสินค้าหรือรีวิวร้านอาหาร ผู้ที่เขียนจะได้รับการพิจารณาว่าเป็น “Expert” ได้แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้มีอาชีพเป็นนักชิมจริงๆ Google ให้รายละเอียดว่า ตราบใดที่บทความนั้นเป็นเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์ Google จะพิจารณาพวกเขาเป็น “Expert”
ส่วนบทความที่เป็นลักษณะที่เกี่ยวกับยาหรือการรักษาโรคนั้น หากคนเขียนเป็นเพียงแค่คนใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่อาจจะทราบถึงประวัติการรักษาอย่างละเอียด รวมถึงทราบถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วย ผู้เขียนก็ไม่ถูกพิจารณาว่าเป็น “Expert” บทความลักษณะนี้ค่อนข้างจะซีเรียสและมีอาจมีผลกระทบต่อผู้อ่านได้ Google จึงมองว่า ผู้เขียนที่จะได้รับการพิจารณาเป็น “Export” นั้นจะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นจริงๆ
Y-M-Y-L (Your-Money-Your-Life) Page Standard
มีเว็บเพจบางประเภทที่ Google จะให้การพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ เพจเหล่านี้จะเรียกว่า “Your Money Your Life” (YMYL) เนื่องจาก Google มองว่าเพจเหล่านี้มีความสำคัญและส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้อ่านโดยตรง ตัวอย่างของหน้าเว็บเหล่านี้ได้แก่
- หน้าเว็บ E-commerce สำหรับการสั่งซื้อ และชำระเงิน
- หน้าเว็บที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น พันธบัตร และการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ ซื้อประกัน หรือการจัดเก็บภาษี
- หน้าเว็บที่นำเสนอข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงหรือคำแนะนำเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพ, ยาเสพติด, สุขภาพจิตและโภชนาการ
- หน้าเว็บที่นำเสนอข้อมูลทางกฎหมาย
อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น กลุ่มเว็บ YMYL จะได้รับการตรวจสอบจาก Google เป็นพิเศษ เพราะหากหน้าเว็บกลุ่มนี้มีคุณภาพต่ำแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อ สุขภาพ ความสุข และการเงิน ของผู้ใช้งาน Google โดยตรง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หน้าเว็บเหล่านี้ควรจะต้องมีมาตรฐาน E.A.T ในระดับที่สูง และจะต้องเขียนโดยนักเขียนผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ดังนั้นแล้วกลุ่มเว็บเหล่านี้ ต่อไปก็อาจจะต้องพิจารณาที่จะจ้างนักเขียนผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ เข้ามาเขียนอย่างจริงๆ จังๆ เสียที
บทสรุป
อย่างที่รู้กันว่า Google ต้องการบทความที่มีเนื้อหาดี มีคุณภาพ แต่หลังจากนี้ ปัจจัยที่เพิ่มเติมเข้ามาคือบทความนั้นควรจะต้องถูกเขียนด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความน่าเชื่อถือจริงๆ เพื่อผลการจัดอันดับที่ดีขี้น ไม่ใช่แค่จ้าง SEO specialist คนเดียวอีกต่อไป เพราะแค่นั้นคงไม่พอแล้ว
Happy Optimization 🙂