
คิด Meta Title แทบตาย ทำไมบางครั้ง Google แสดง Title ในผลการค้นหาไม่ตรงกับที่ใส่ไว้ใน Meta title เรื่องนี้คนทำ SEO หลายคนคงเคยเห็นกันบ้างแล้ว และคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีเหตุผลอะไรที่ Google ถึงเปลี่ยน Title ให้เราเอง แต่ก่อนจะไปพูดถึงสาเหตุ อยากให้เข้าใจสิ่งที่ Google พยายามสื่อสารผ่านบทความของเค้าเองก่อน
“Google Search works hard to provide the best titles for documents in our results”
ถ้าทำความเข้าใจประโยคนี้ จะเห็นว่ามีนัยยะชัดเจนที่สื่อสารว่า Google พยายามหา Title ที่ดีที่สุด ซึ่งไม่ได้บอกว่าเป็นการนำมาจาก Meta Title โดยตรง
“titles might change based on the query issued”
Title จะเปลี่ยนเปลี่ยนได้โดยดูจากคำค้นหา
จากสองประโยคด้านบนนี้ซึ่งเป็นข้อความที่ผมดึงออกมาจากบทความของ Google จะเห็นได้ชัดเจนว่า Google ไม่ได้ใช้ Meta Title เสมอไป ซึ่งจากการประกาศช่วงปลายปีที่แล้ว Google แจ้งว่าได้มีการเปิดใข้งานระบบที่จะช่วยในการ Generate ข้อความ Tilte ให้
“we introduced a new system of generating titles for web pages”
เหตุผลที่ Google ให้ไว้ว่าทำไม Google ถึงไม่ได้ใช้ Meta Title เสมอ
1) หลายครั้งที่ Google พบว่า Meta Title นั้นยาวมากเกินไป ซึ่งจริงๆ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 ตัวอักษร แน่นอนว่าพอ Title ยาวเกินกว่าจะแสดงได้หมด งั้นเดี๋ยวพี่จัดการให้ ประมาณนั้น
2) Google มักพบว่า มีการพยายามใส่ Keywords เข้าไปมากจนเกินไป เพราะ “เข้าใจผิด” ว่าจะช่วยให้มีอันดับที่ดี เจ็บจี๊ด
3) ไม่ได้ใส่ Title ไว้ หรือใส่แบบไม่มีความหมายอะไร เช่น Home, Untitled ซึ่งมักจะเป็นค่าดีฟอลต์ แบบนี้พี่ก็จัดการให้อีกนั่นแหละ จะให้ Users เจอคำว่า Untitled ไปทำไม
ซึ่งเบื้องต้นส่ิงที่ระบบ Google พยายามจะทำคือ ทำให้ข้อความ Title เป็นสิ่งที่อ่านได้เข้าใจง่าย (Readable) ลองคิดดูว่า เพจที่ทำ Stuffed keywords ใน Title อย่างกรณีที่ 2 เวลาที่ Google ดึงมาแสดงก็จะอ่านแล้วเหมือนข้อความที่แข็งๆ เหมือน Robot เขียน หรือในอีกกรณีหนึ่งคือ กรณีที่ Meta Title ยาวมาก Google จะพยายามเลือกส่วนเนื้อหาใน Title ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการค้นหามากที่สุด มากกว่าที่จะไปดึงตั้งแต่ตัวอักษรตัวแรกแล้วก็ตัดขาดด้วนตามแต่ยถากรรม เป็นต้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ Make Sense
อย่างไรก็ตาม Google ย้ำว่า Meta Title ยังเป็นส่วนสำคัญมากจึงควรที่จะต้องเขียนให้ดี และ Meta Title ยังเป็นส่วนที่ Google จะดึงไปใช้ในสัดส่วนประมาณ 80% ขึ้นไป
ในบทความต่างประเทศหลายบทความก็มีการเขียนถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยพยายามทำ Research ว่า อะไรมีผลทำให้ Google เปลี่ยนแปลง Title ของเรา ซึ่งตัวเลขจาก Search Engine Journal ระบุไว้ดังนี้
5 เหตุผลที่มีโอกาสทำให้ Meta Title ถูกรีไรท์ หรือเปลี่ยนแปลง
1) Meta Title สั้นเกินไป หรือยาวเกินไป อันนี้เป็นเหตุผลที่ Google ก็บอกไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว SEJ กล่าวว่าจากจำนวน 2,000 กว่าเว็บไซต์ พบว่า ถ้า Title ยาวกว่า 70 ตัวอักษรมีโอกาสถูกเปลี่ยน Title สูงมากกว่า 90% ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนทำ On-page SEO ควรยึดไว้เป็น Guideline เสียหน่อย
2) มีการใส่ {} parenthesis [] bracket ครอบข้อความเพื่อเน้นให้ข้อความโดดเด่น กรณีนี้ SEJ กล่าวว่า มีโอกาสที่ Google จะเปลี่ยน Title ใน Bracket 77.6% และมีโอกาสที่จะ Remove ข้อความใน Bracket ทั้งหมดเลย 32.9%
3) มีการใช้ Title Separator เช่น , | – (colons, pipes, and dashes) เพื่อแบ่งข้อความใน Title ซึ่งจาก Research พบว่า | (pipe) จะถูกเปลี่ยนหรือเอาออกไปเลยประมาณ 41% ส่วน – (dash) อยู่ที่ประมาณ 19.7%
4) มีการพยายใส่ Keywords มากจนเกินไปจะกลายเป็นการ Stuffed อันนี้ Google ก็บอกไว้แล้ว
5) มีการใส่ Brand Name บ่อยเกินความจำเป็น เคสนี้ Google ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
สุดท้ายเวลาเขียนเรื่อง SEO ทุกครั้งผมมักจะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นความเห็น และแนวทางปฏิบัติส่วนตัวดังนี้ ซึ่งไม่ได้หมายความเป็นส่ิงที่ทุกคนจะเห็นด้วยหรือต้องทำตามนะครับ คือ
1) อย่าซีเรียสกับเรื่องทาง Technical SEO มากจนเกินไป ทำ Content ให้ดีก่อน
2) อย่าหลอกให้ Google รักเรา เพราะ Google รัก Users มากกว่า
3) ไม่ต้องตื่นเต้นกับ Algorithm ใหม่ๆ มากนัก ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเทาๆ ดำๆ และผลกระทบของการอัพเดทแต่ละครั้งอยู่ในวงจำกัด
4) ภาษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ภาษาไทยสำหรับ Google ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายแบบปลอกกล้วย