การทำ Ecommerce tracking ใน Google Analytics ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญ และจำเป็นมากที่ต้องทำ เพื่อที่จะสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้า และพฤติกรรมการซื้อ รวมถึงทำให้ทราบไปถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในในแต่ละขึ้นตอนของการสั่งซื้อ ตั้งแต่ดูสินค้า เพิ่มสินค้าในตะกร้า จนกระทั่งชำระค่าสินค้า ซึ่งการที่เรามีข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้เราสามารถนำไปใช้ในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายได้ดีขึ้น สามารถแก้ไขจุดที่เป็นปัญหาในการสั่งซื้อสินค้า เพื่อให้ Purchase Journey ของลูกค้าภายในเว็บไซต์สะดวกสบาย และตัดสินใจซื้อได้ง่ายที่สุด
แต่การจะได้มาซึ่งข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จำเป็นต้องเก็บข้อมูลให้ถูกต้องด้วย ซึ่งวิธีการนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักการตลาดทั่วไปที่เน้นการวิเคราะห์ใช้งานข้อมูลมากกว่าไปปวดหัวเรื่องการเขียนโค้ด หรือการคุยกับทีม dev แต่สำหรับนักการตลาดที่เข้าใจเรื่องเทคนิคอลอยู่บ้าง การอ่านทำความเข้าใจ และศึกษาการใช้งาน Google Tag Manager ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เช่นกัน บทความนี้จะสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง Ecommerce Tracking ใน GA4 ที่นักการตลาดควรต้องรู้
Ecommerce Tracking ใน GA4 ทำได้ง่ายกว่า GA3
ตรงนี้ถือเป็นข้อดีที่สำคัญข้อหนึ่งของ GA4 ความแตกต่างสำคัญในเรื่องนี้ระหว่าง GA3 และ GA4 ก็คือ แต่เดิม Ecommerce ใน GA3 นั้นจะเป็นโค้ด Javascript อีกชุดหนึ่ง แยกออกมาจาก Tracking Code หลัก ทำให้การทำงานมีขั้นตอนรายละเอียดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกรณีที่ไม่ได้ใช้ Google Tag Manager จะมีซับซ้อนมากขึ้น แต่สำหรับ GA4 นั้น หลังจากที่ปรับเรื่องของ Data Model แล้ว รูปแบบการเก็บข้อหลักทั้งหมดได้ถูกเปลี่ยนเป็น Event ซึ่งรวมไปถึงการทำ Ecommerce Tracking ด้วย นั่นหมายความว่าใน GA4 การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ Ecommerce ทั้งหมดจะส่งผ่าน GA4 Event เหมือนกับการส่ง Event ทั่วไป และไม่จำเป็นต้องมี Javascript แยกอีกชุดหนึ่งแล้ว ซึ่งส่วนตัวผมแล้วถ้าหากใครพอจะมีพื้นฐานเรื่องการทำ Event Tracking และพอเข้าใจการใช้งาน Tag manager มาก่อน หากพอจะมีเวลาศึกษาเพิ่มเติม ก็น่าที่จะสามารถทำได้เองโดยที่ไม่ต้องจ้างเอาท์ซอร์ซที่คิดราคาขั้นต่ำหลักสองถึงสามแสนบาทขึ้นไป
แนวทางการทำ GA4 Ecommerce Migration จาก GA3 ไป GA4
ในส่วนของวิธีการ Migrate จะขอพูดถึงวิธีการที่ใช้ Google Tag Manager เป็นหลัก เนื่องจากเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเก็บข้อมูลของ Google Analytics ซึ่งการ Migrate ผ่าน Tag Manager นั้นมี 2 แนวทางที่สามารถทำได้ โดยทั้งสองวิธีการจะเป็นการทำเพื่อเก็บข้อมูลไปที่ GA4 แต่ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเก็บข้อมูลไปที่ GA3 ด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินใจเลือกวิธีไหน ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันดังนี้
- ใช้วิธีการส่งข้อมูล Ecommerce Tracking เดิมของ GA3 ที่มีอยู่แล้วส่งไปที่ GA4
วิธีการนี้มีข้อดีตรงที่การ Implement จะง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก และรีพอร์ทต่างๆ ใน GA3 ที่ยังต้องใช้งานเป็นหลักก็ยังมีข้อมูลที่สมบูรณ์เหมือนเดิม แต่ข้อเสียข้อวิธีการนี้ก็คือ รีพอร์ท Ecommerce ใน GA4 จะไม่สมบูรณ์ทั้งหมด เนื่องจาก Ecommerce event ใน GA3 บางส่วนไม่รองรับใน GA4 ดังนั้นวิธีการนี้อาจจะเหมาะสำหรับกรณีที่ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ GA4 ทันที และยังจำเป็นต้องใช้รีพอร์ท GA3 เป็นหลัก แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ววิธีการนี้เป็นวิธีการที่ผมไม่แนะนำ เนื่องจาก Google ไม่ได้พัฒนา GA3 แล้ว ถ้าหากมีรีพอร์ทใหม่ๆ เกี่ยวกับ Ecommerce ออกมาในอนาคตก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ลองนึกภาพดูว่า เราเอาเครื่องยนต์รถเก่าที่ใช้มานานมากแล้วไปใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ แล้วประสิทธิภาพจะดีได้อย่างไร - ใช้วิธีการส่ง Ecommerce event ของ GA4 เพื่อส่งข้อมูลไปทั้ง GA4 และ GA3
วิธีการนี้เป็นวิธีการที่แนะนำ เพราะรองรับการใช้งานในระยะยาว และได้ GA4 Ecommerce Report ที่สมบูรณ์ที่สุด แต่อุปสรรคที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกวิธีการนี้ก็คือ วิธีการนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่า และอาจจะได้รีพอร์ทอีคอมเมิร์ซของ GA3 ที่ไม่เหมือนเดิมทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลบางส่วนไม่รองรับกันระหว่างสองเวอร์ชั่น แต่สำหรับใครที่ต้องการทำการ Migration ครั้งเดียวเพื่อรองรับการทำงานระยะยาว วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ผมจะเลือก
GA4 ecommerce event มีอีเวนท์อะไรบ้าง
อย่างที่กล่าวไปแล้วการส่งข้อมูลเกี่ยวกับ Ecommerce นั้นจะส่งผ่าน Event ต่างๆ ดังนั้นเรื่องที่ควรรู้ต่อไปก็คือมี Ecommerce Eventห อะไรบ้างที่ควรจะต้องส่ง ตามลิสต์ด้านล่างนี้ Event ที่เกี่ยวข้องกับ Ecommerce ทั้งหมดจะมี 14 Events ถ้าเป็นไปได้ก็ควรส่งทั้งหมด เพราะจะทำให้รีพอร์ทที่ได้มีความสมบูรณ์สำหรับการใช้งานมากที่สุด อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับโฟลว์การสั่งซื้อสินค้าแต่ละเว็บที่แตกต่างกันด้วย บางเว็บไซต์ก็อาจจะไม่มีบางอีเว้นท์ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องส่งก็ได้
- view_promotion
- select_promotion
- view_item_list
- select_item
- view_item
- add_to_cart
- add_to_wishlist
- view_cart
- remove_from_cart
- begin_checkout
- add_shipping_info
- add_payment_info
- purchase
- refund
ข้อมูลและรีพอร์ที่ได้จากการทำ GA4 Ecommerce Event Tracking
ปัจจุบัน Ecommerce report ใน GA4 ภายใต้เมนู Monetization จะมีอยู่เพียงรีพอร์ทเดียวเท่านั้น ตามตัวอย่างภาพด้านบน โดยข้อมูลที่ได้จะทำให้เราทราบว่าสินค้าอะไรที่คนให้ความสนใจมากที่สุด (item view) สินค้าอะไรถูก Add to cart มากที่สุด และสินค้าอะไรถูก purchase มากที่สุด รวมไปถึงสินค้าอะไรที่ควรนำมาโปรโมทให้บ่อยขึ้น และสินค้าอะไรที่มีปัญหาอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากจริงๆ
ส่วนใครที่ใช้งาน GA3 มาก่อนจะเห็นได้ชัดว่าบางรีพอร์ทยังไม่มีให้ใช้งาน โดยเฉพาะรีพอร์ทสำคัญอย่าง Shopping behavior และ Checkout behavior ซึ่งเป็นรีพอร์ทที่ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมการเลือกซื้อ สั่งซื้อสินค้าของลูกค้า และปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนสั่งซื้อ ข้อมูลในเชิงพฤติกรรมนี้มีประโยชน์อย่างมากในการใช้เป็นข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การสั่งซื้อ และ Purchase journey ภายในเว็บไซต์ให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งานสำหรับลูกค้ามากที่สุด แม้ว่า GA4 จะไม่ได้มี Pre-built report ที่แสดง Funnel มาให้เหมือนใน GA3 แต่ GA4 ก็มีฟีเจอร์ Exploration ที่ให้เราสามารถสร้าง Advance Analysis Report ขึ้นใช้งานเองได้ (ใน GA3 จะมีให้ใช้เฉพาะ Licensed account เท่านั้น) และด้วยฟีเจอร์นี้เราก็จะสามารถสร้าง Funnel Report แบบที่เราต้องการได้ และที่สำคัญคือดีกว่า Pre-built report ใน GA3 มากเลยทีเดียว
จากตัวอย่างภาพด้านบนเป็นการสร้าง Funnel report ขี้นใน GA4 ซึ่งใน GA4 นี้การสร้าง Funnel ทำได้ง่าย และมีความยืดหยุ่นมากๆ สามารถสร้าง Funnel ที่มีเงื่อนไขซับซ้อนได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ที่สำคัญและดีมากเลยก็คือ เราสามารถสร้าง Funnel ได้มากสุดถึง 10 steps พูดง่ายๆ ก็คือแทนที่จะแยกออกเป็น 2 Funnels แบบใน GA3 ที่แยก Shopping behavior และ Checkout behavior ใน GA4 เราสามารถสร้างรวมเป็น Funnel เดียวได้เลย ทำให้การอ่านรีพอร์ทสะดวกและเห็นภาพต่อเนื่องชัดเจนอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน จากภาพตัวอย่างด้านบนจะเห็นได้ว่าในขั้นตอนการเลือกวิธีการชำระเงินนั้นเกิดการ Drop off สูงถึง 63.7% นั่นทำให้เราทราบว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สเต็ปนี้ และจำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เกิดการ Purchase มากที่สุดนั่นเอง
กล่าวโดยสรุปคือ GA4 Ecommerce Tracking ได้รับการพัฒนาให้มีวิธีการ Implement ที่ง่ายกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก (ไม่จำเป็นต้องจ้างเลย ถ้าคนภายในองค์กรพอจะแบ่งเวลามาศึกษาได้) ส่วนรีพอร์ที่ได้ถือว่ามีประโยชน์ค่อนข้างมาก แม้ Pre-build report อาจจะยังมีน้อย แต่ก็ทดแทนด้วยการที่เราสามารถสร้างรีพอร์ทเองได้ผ่านฟีเจอร์ Exploration ที่ใน GA4 เปิดให้ใช้ฟรี ใครที่ยังไม่เริ่ม Migrate ควรเร่ิมต้นได้แล้วนะครับ เหลือเวลาอีกประมาณ 6 เดือน GA3 ก็จะไม่สามารถใช้งานได้แล้ว
Happy Analytics:)
ไม่พลาดทุกบทความ แอดเฟรนด์ LINE : @pornthep
สนใจคอร์สเรียน Google Analytics 4 อ่านรายละเอียด