โครงสร้างของ Google Analytics Account

เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้ google analytics ที่จะต้องทำความเข้าใจโครงสร้างของ account เพราะหากไม่เข้าใจแล้วอาจจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา เช่นการให้สิทธิ์ (permission) ที่ผิดพลาด ทำให้บุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลที่ไม่อนุญาติได้ ดังนั้นบทความนี้จะนำเรื่องโครงสร้าง account มาอธิบายให้เข้าใจกันได้ดีมากยิ่งขี้น ก่อนจะอ่านต่อไป ถ้าใครยังไม่มี analytics account ขอให้เข้าไปสร้าง account ที่นี่ก่อนนะครับ http://www.google.com/analytics


google analytics account

โครงสร้างหลักของ analytics account แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

  1. Account
  2. Property
  3. View

ซึ่งในแต่ละส่วนของโครงสร้างจะมีส่วนจัดการ user permissions อยู่ด้วยดังรูป

Account

เป็นโครงสร้างระดับบนสุดของ Google Analytics ใช้เพื่อแบ่งแยกการทำ Analytics ในระดับธุรกิจ โดยมากนิยมแบ่งตามบริษัท ซึ่ง account สามารถมีได้มากกว่า 1 account และภายใต้ account จะต้องระบุ Property ที่ต้องการจะ track ข้อมูล

Property

เป็นโครงสร้างระดับรองลงมาจาก Account ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้ Account อีกที Property นั้นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของโครงสร้างเพราะเป็นส่วนที่จะระบุรหัสเฉพาะ (Tracking ID) ของแต่ละเว็บไซต์หรือโมบายล์แอปพลิเคชั่นเพื่อที่จะนำไปใช้เก็บข้อมูลเพื่อนำมาออกรีพอร์ทผ่าน View ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น Account ของบริษัท ABC อาจจะมีได้ 2 properties คือ Website และ Mobile app ซึ่งแต่ละ property จะมี Tracking id คนละหมายเลขเพื่อให้กูเกิ้ล track ข้อมูลแยกออกจากกัน หลังจากมีการเซ็ต property แล้ว Google Analytics จะสร้าง view ขึ้นมา view หนึ่งโดยอัติโนมัติ โดยที่เรายังสามารถสร้าง view เพิ่มเติมได้อีกตามความต้องการ

View

เป็นโครงสร้างระดับสุดท้ายของ Google Analytics ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้แสดงข้อมูลและรีพอร์ทของแต่ละ property โดยปกติ View จะถูกสร้างโดยอัติโนมัติมาพร้อมกับต้องสร้าง Property ให้ 1 view แต่ตามคำแนะนำของ Google แล้วอย่างน้อยที่สุดเราควรจะต้องมี 3 view ดังนี้คือ

  1. Unfiltered view สามารถใช้ view ที่ระบบสร้างขึ้นอัติโนมัติได้เลย view นี้ใช้เป็น backup เผื่อกรณีฉุกเฉิน
  2. Master view เป็น view ที่เราต้องสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็น view หลักในการเข้าดู report ต่างๆ
  3. Test view เป็น view ที่เราสร้างขึ้นสำหรับใช้เทสต์การสร้าง filter ต่างๆ ก่อนจะนำไปใช้ใน master view เนื่องจากว่าเมื่อ google analytics ทำการประมวลผล(processing)แล้ว ข้อมูลที่ได้จะไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้แล้ว จึงจำเป็นต้องทำการทดสอบก่อนใช้งานจริง

แต่ทั้ง 3 views ที่กล่าวมานั้นถือว่ายังไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพของ view อย่างเต็มที่ ซึ่งที่จริงแล้ว view มีประโยชน์มากกว่านั้นมาก หากเราเข้าใจการใช้งาน filter ใน view ด้วย ตัวอย่างเช่น เราสามารถสร้าง view เพื่อแยกข้อมูลตาม traffic ที่มาจากประเทศต่างๆ ได้ โดยที่ view ของแต่ละประเทศ เราจะให้สิทธิ์แก่พนักงานขายที่ดูแลยอดขายของประเทศนั้นๆ เท่านั้น พนักงานขายแต่ละคนจะไม่สามารถเห็นข้อมูลและยอดขายของประเทศอื่นได้ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ การสร้าง view โดยแบ่งตาม traffic channel เพื่อให้การดู report ง่ายขึ้น เช่นการสร้าง view เพื่อดูข้อมูลเฉพาะส่วนที่มากจาก social network เป็นต้น

ส่วนเรื่องการให้สิทธิ์ (permission) แก่บุคคลอื่น สามารถให้ได้ที่ระดับ account, property หรือ view ก็ได้ หากให้ที่ระดับ property ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุก view ภายใต้ property นั้น แต่หากให้ที่ระดับ account ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุก property และทุก view ภายใต้ account นั้น ดังนั้นแล้วควรพิจารณาให้ดีก่อนการให้สิทธิ์บุคคลอื่น ถ้าจะให้ดูข้อมูลแค่บางส่วน แนะนำว่าควรให้สิทธิ์ที่ระดับ view เท่านั้น เพราะจะสามารถเข้าถึงได้แค่ view นั้น view เดียวไม่สามารถเข้าถึง view อื่นได้ ในระดับของสิทธิ์ยังสามารถระบุได้อีกว่าให้สามารถแก้ไขจัดการได้หรือให้แค่ดูข้อมูลอย่างเดียว ตรงนี้แล้วแต่วัตถุประสงค์ครับ สามารถเลือกให้ได้ตามความเหมาะสม

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างของ google analytics account มากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมนะครับ 🙂

UIP, Sessions (Visit), Users (Visitor) แตกต่างกันอย่างไร

web_traffic

UIP, Sessions (visit) และ Users (visitor) ทั้งสามคำนี้เป็นเมทริคที่โดยรวมๆ แล้วมึความคล้ายกัน และใช้บอกจำนวน Traffic ที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา แต่เอาเข้าจริงแล้วทั้งสามคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่มากพอสมควร และมักจะทำให้ผู้เริ่มต้นศึกษาเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและนำไปใช้งานอย่างไม่เหมาะสม บทความนี้จะอธิบายคำจำกัดความของแต่ละคำเพื่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถเลือกใช้งานกันได้อย่างถูกต้องแท้จริง

UIP คืออะไร

UIP คือจำนวนการเข้าเว็บไชต์ที่นับจากจำนวน UIP (unique IP address) ซึ่งหมายความว่าเป็นการนับจำนวนไอพีที่ไม่ซ้ำกันที่เข้ามาในเว็บในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งคำว่า UIP เป็นคำที่คนทั่วไปอาจจะพอเข้าใจ และฟังแล้วดูคุ้นเคยที่สุดในบรรดาสามคำนี้ แต่ UIP ก็เป็นเมทริคที่ให้ค่าที่คลาดเคลื่อนได้มากที่สุดเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งมีไอพีในการออกใช้งานอินเทอร์เน็ตเพียงไอพีเดียว หากพนักงานสิบคนใช้อินเทอร์เน็ตที่เครื่องของตัวเองเพื่อเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง Traffic ที่คำนวนจาก UIP ของเว็บไซต์นั้นจะนับว่ามีกการเข้ามาเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น

Sessions คืออะไร

Sessions (Visits) เมทริคนี้จะเห็นได้ในเกือบทุกรีพอร์ทของ Google Analytics ซึ่งเป็นการนับ traffic ตามจำนวน Sessions ที่เกิดขึ้นจากการเข้าเว็บไซต์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือมือถือ ตามความหมายที่ถูกต้องแล้ว Session คือช่วงเวลาหนึ่งที่ User เข้าใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง โดยที่ Session แต่ละ Session ไม่จำเป็นต้องมีเวลาเท่ากัน ค่าปกติของกูเกิ้ลหาก User ไม่มี action ใดๆ บนหน้าเว็บเกิน 30 นาที Session นั้นจะหมดอายุลง Action ใดๆ (ยกตัวอย่างเช่น Pageview) ที่เริ่มต้นหลังจาก Session เดิมหมดอายุจะเริ่มนับเป็น Session ใหม่ทันที

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้ นาย A เข้าเว็บแล้วเปิดหน้าเพจสามหน้าแล้วเดินออกไปกินข้าวชั่วโมงหนึ่ง Session นั้นจะหมดอายุลง หลังจากกลับจากกินข้าว นาย A คลิ้กลิ้งกลับไปที่หน้าแรก session ใหม่จะเกิดขึ้น ในกรณีนี้ Session จะเท่ากับ 2 Session แต่ยังมีอีก 2 กรณีที่ทำให้ session หมดอายุลงได้ ซึ่งก็คือ

  1. หลังเวลาเที่ยงคืน ตาม Time Zone ที่เซ็ตไว้ใน Google Analytics ดังนั้นสมมติว่าหากมีการเข้าสู่เว็บไซต์เวลา 23.55 แล้วคลิ้กเปลี่ยนหน้าเวลา 0.05 กรณีนี้จะนับเป็น 2 Session
  2. เมื่อ แคมเปญ Source เปลี่ยน เช่นการ Search ด้วย Google แล้วคลิ้กมาที่เว็บไซต์เรา หลังจากนั้นกด  Back กลับไป Search ใหม่ แล้วคลิ้กโฆษณาที่เราซื้อ Google Search ad ไว้ ในกรณีการคล้ิกเข้ามาจากโฆษณาจะถือเป็น  Session ใหม่ แม้ว่าการเข้ามาทั้งสองครั้งจะห่างกันไม่เกินห้านาทีก็ตาม

Users คืออะไร

Users (Visitors) การนับจำนวน User นั้น กูเกิ้ลจะนับจาก Cookie ตัวหนึ่งซึ่งจะมีการเก็บ Client ID เอาไว้ (ซึ่งไม่ใช่ Session Cookie) นั่นหมายความว่าถึงแม้จะมีการเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งทุกวัน วันละครั้งเป็นเวลาหนึ่งเดือน เวลาเราดูรีพอร์ทใน Google Analytics เดือนนั้น เราจะเห็นเป็น 1 User เท่านั้น แต่เป็น User ที่มี 30 Sessions ถ้าอธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ก็คือ user จะนับจากจำนวนคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต หรือมือถือที่เข้าสู่เว็บไซต์นั่นเอง

ประเด็นสำคัญที่เราต้องเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ Users ใน Google Analytics ก็คือ อุปกรณ์แต่ละอุปกรณ์นั้นจะมี Client ID ของตัวเอง และมีได้เพียงค่าเดียวเท่านั้น ดังนั้นในกรณีที่คนสองคนที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกันเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งระบบก็จะนับเป็น 1 User เท่านั้น ถึงแม้่ว่าทั้งสองคนนี้จะใช้เข้าสู่เว็บไซต์กันคนละเวลาก็ตาม ส่วนอีกกรณีคือ คนหนึ่งคนใช้โน้ตบุ๊คและมือถือเข้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งพร้อมกัน Google Analytics ก็จะนับเป็น 2 Users ถึงแม้จะเป็นการเข้าใช้งานจากคนคนเดียวกันก็ตาม

***  หากเครื่องที่ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์มีการบล็อก Cookie กูเกิ้ลจะไม่สามารถเก็บค่า Sessions และ Users ได้
*** การแสดงผลจำนวน Traffic เช่น Sessions หรือ Users นั้นจะเป็นการคำนวนจากช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่ถูกกำหนดไว้ กรณีของ Users หากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเข้าสู่เว็บในวันที่ 18, 21 มกราคม ถ้าเลือกให้แสดงรีพอร์ทระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม Users ที่มาจากคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะเท่ากับ 1 แต่ถ้าเลือกให้แสดงรีพอร์ทวันที่ 1-15 มกราคม User ก็จะเท่ากับ 0 เป็นต้น เมื่อเข้าใจแล้ว ก็ลองเลือกใช้ตามความเหมาะสมนะครับ 🙂

Happy Analytics 🙂

Google Analytics ทำงานอย่างไร

การเข้าใจระบบการทำงานของ Google analytics เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้สามารถศึกษาเรียนรู้ต่อไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นหากใครยังไม่เข้าใจระบบการทำงานของ Google Analytics ขอให้ใช้เวลาสักเล็กน้อยอ่านบทความสั้นๆ นี้ให้จบนะครับgoogle-analytics-process

Google Analytics แบ่งระบบการทำงานออกเป็น 4 ส่วนหลักดังนี้

  1. Collection
    คือการเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ mobile app หรืออื่นๆ โดยผ่านการทำงานของ javascript code ที่ติดตั้งในทุก pages ของเว็บไซต์ โดยทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนหน้าเพจ จาวาสคริปต์จะอ่าน/เขียนข้อมูลใน cookie ในเครื่องของยูสเซอร์ แล้วทำการส่งข้อมูลไปเก็บที่เซิร์ฟเวอร์ของ google เช่น ข้อมูลของแหล่งมาของการเข้าสู่เว็บไซต์ ข้อมูลเกี่ยวกับ location, web browser, devices รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนหน้าที่เข้าชม เวลาอยู่หน้าแต่ละหน้า เป็นต้น
  2. Processing
    คือขบวนการในการจัดกลุ่มข้อมูลดิบให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นระบบสามารถนำข้อมูลไปใช้งานในการแสดงรีพอร์ทได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพกว่าการอ่านข้อมูลดิบที่เก็บได้จากขั้นตอนแรก เช่น การจัดเก็บข้อมูลแยกออกเป็นกลุ่มที่ใช้ desktop, mobile, new user, returning visitor, ประเทศ หรือตามชนิดของ browsers เป็นต้น
  3. Configuration
    เป็นขั้นตอนสำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการ processing เช่นการฟิลเตอร์ข้อมูลที่มี IP address ที่เป็นไอพีภายในบริษัทออก ซึ่งจะต้องมีการเซ็ตอัพและกำหนดค่าไว้ในส่วน admin ก่อน หลังจากที่ข้อมูลดิบผ่านการ processing และ configuration แล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บลงในดาต้าเบสเพื่อใช้ในการทำรีพอร์ทต่อไป
    ***สำคัญมาก! หลังจากที่เก็บข้อมูลในดาต้าเบสแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป ดังนั้นการ Configuration และสร้างฟิลเตอร์ต่างๆ ควรมีการทดสอบใน view(profile) ที่สร้างขึ้นเพื่อการทดสอบโดยเฉพาะ ก่อนจะใช้กับ view หลักในการดูรีพอร์ท
  4. Reporting
    คือขบวนการในการดึงข้อมูลจากดาต้าเบสตาม account ของ Google Analytics ออกมาแสดงในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหน้าตาของรีพอร์ทก็จะแสดงอย่างที่เราเห็นกันใน Google Analytics นั่นแหละครับ

หากเข้าใจพื้นฐานระบบการทำงานของ Google Analytics เบื้องต้นแล้ว แนะนำให้อ่าน คำศัพท์พื้นฐานที่ต้องรู้จักใน Google Analytics ต่อไปนะครับ