เรื่องหนึ่งที่ผมพบเห็นอยู่เสมอ รวมถึงเจอด้วยตัวเองอยู่ 2-3 ครั้ง ก็คือการซื้อโฆษณา Google Ads ด้วย Brand Keywords ของคู่แข่ง ใครที่ยังไม่เข้าใจว่าการซื้อโฆษณาด้วยชื่อแบรนด์ของคู่แข่งคืออะไร ผมขอเล่าให้เห็นภาพแบบนี้นะครับ สมมุติเราเป็นเจ้าของแบรนด์รองเท้า ABC แต่เวลามีคนค้นหาคำว่า “ABC” ใน Google แล้วผลลัพธ์ดันแสดงโฆษณาอันดับแรกเป็นรองเท้าแบรนด์ XYZ แน่นอนว่าแบรนด์ ABC คงจะรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่ถามว่าแบรนด์ XYZ ผิดไหม ผมขออนุญาติอธิบายกฏเกณฑ์ของ Google ให้เข้าใจกันก่อนแล้วกันนะครับ
Google ไม่สนใจเรื่องการซื้อ Keywords คู่แข่ง
คือใครจะซื้อแบรนด์ Keywords ของใคร ก็ตามใจเลยจ้า เขาไม่เกี่ยวนะ เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ทำนองนั้น ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องแรกที่ต้องเข้าใจ ซึ่งฟังแล้วก็อาจจะรู้สึกขัดๆ อยู่บ้าง ดังนั้นหลายๆ ครั้งเราจึงมักจะพบเห็นการซื้อ Brand Keyword คู่แข่งกันอยู่เสมอ และเรื่องนี้ Google ก็ระบุไว้ชัดเจนมากตามภาพด้านล่างนี้ที่ผมไปเอาจากเว็บ Google เอง
อ้าว! อย่างนี้ก็แย่นะสิ ใช่ครับ ก็ Google ไม่ได้ห้ามไว้ แต่…สิ่งที่ Google ห้ามคือ
ห้ามใช้ Brand Keyword หรือ Trademark ในคำโฆษณา (Ad copy)
ซึ่งก็ได้มีการะบุไว้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า Google จะเข้มงวดกับเรื่องนี้ และก็มีรายละเอียดของข้อห้ามไว้ด้วย อย่างเช่น ห้ามอ้างอิงชื่อแบรนด์คู่แข่งในคำโฆษณาเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันทางธุรกิจ ย้ำ ในคำโฆษณานะครับ คือซื้อ Keyword ได้แต่ห้ามเอามาใช้ในคำโฆษณา ซึ่งในกรณีที่เราพบว่าคู่แข่งใช้คำโฆษณาอย่างไม่เหมาะสมก็สามารถที่จะ Submit Complaint ไปที่ Google เพื่อให้ทำการตรวจสอบได้ที่ลิงค์นี้ Trademark complaint form
อย่างไรก็ตามแม้ว่า Google จะมีข้อห้ามดังกล่าวไว้ แต่หลายครั้งคนซื้อโฆษณาก็ไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่สนใจ ก็ทำให้ยังเกิดกรณีนำชื่อแบรนด์คู่แข่งไปใส่ในคำโฆษณาอยู่บ่อยครั้ง และกลายเป็นประเด็นปัญหาให้ต้องเวียนหัวทุกที
ทำอย่างไรเมื่อคู่แข่งซื้อ Brand Keyword ของเรา
- ซื้อ Brand Keyword ของตัวเอง ฟังดูแปลกๆ ใช่ไหมครับ แต่มันจะไม่แปลกเมื่อเราเห็นโฆษณาของคู่แข่งอยู่บน URL ของเราทั้งที่เราก็ติดอันดับแรกแบบ Organic Search ดังนั้นในบางกรณีการซื้อแบรนด์ คียเวิร์ด จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ เพื่อให้ Ads ของเราไปประกบอยู่กับ Ads คู่แข่ง และถ้าให้ดีก็ต้องอยู่อันดับที่สูงกว่าด้วย ดังนั้นตอนที่ซื้อ Google Ads ด้วย Brand Keyword เราก็จะตั้งค่า Bidding เป็นแบบ Target Search Page Location หรือ Target Outranking Share เพื่อให้ Google ออฟติไมซ์โฆษณาของเราให้สูงกว่าคู่แข่งเสมอ
- ซื้อ Brand Keyword ของคู่แข่ง ก็ไม่มีอะไรครับ ชนกันตรงๆ เลย ซื้อมาซื้อกลับ แต่เคสนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า Quality Score ใน Google Ads ของเราก็จะค่อนข้างต่ำ เพราะ Relevant มันต่ำมากเนื่องจาก Keywords คู่แข่งกับกับ Landing Page ของเรามันไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง ก็ส่งผลให้ค่า CPC ของโฆษณาจะค่อนข้างแพง
- ลองพูดคุยกันดูมั๊ย หาทางออกแบบพาสเทลกัน ในทางธุรกิจนั้น ระดับผู้บริหารส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันอยู่แล้ว แม้จะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม ดังนั้นก็น่าจะพอคุยกันหาทางออกกันได้อยู่
สุดท้ายต้องบอกว่าในคลาสที่ผมสอน Google Ads เองนั้น Competitor Keyword ก็เป็นเทคนิคและ Keyword Strategy อย่างหนึ่งที่ผมพูดถึง ซึ่งก็ถูกใช้กันกลุ่ม E-commerce ทั่วไป แล้วแต่ว่าใครจะใช้หรือไม่ใช้ เพราะเอาจริงๆ แล้วคนที่ค้นหาชื่อแบรนด์เฉพาะเจาะจงนั้น เขาก็ค่อนข้างจะมี Loyalty อยู่พอสมควร การซื้อคีย์เวิร์ดคู่แข่งอาจจะไม่คุ้มค่าก็ได้ แต่ตัวอย่างหนึ่งที่ซื้อ Keyword คู่แข่งและทำได้ดี ก็คือของ Samsung ตามภาพด้านล่างนี้ ซึ่งเป็นการบอกถึงฟีเจอร์สินค้าที่ดีกว่านั่นเอง
Happy Advertising !
สนใจเรียน Google Ads อ่านรายละเอียด คอร์สเรียน Google Ads
