GA4 ได้ทำการกำหนด Default Channel Grouping ขึ้นมาใหม่รวมทั้งหมดเป็น 18 แชนแนล จากเดิมที่เคยมีอยู่ทั้งหมด 9 แชนแนล แน่นอนว่าใน 18 แชนแนลนั้นได้ยกเอา 9 แชนแนลเดิมมาทั้งหมด และเพิ่มแชนแนลใหม่ๆ ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถทำความเข้าใจที่มาของทราฟฟิคได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และสามารถนำไปแอคชั่นต่อได้ ซึ่งต้องบอกว่าดีกว่าเดิมจริง และคิดมาค่อนข้างๆ ละเอียดในระดับหนึ่งแล้ว ที่ว่าทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าเดิมนั้น อยากจะยกตัวอย่างแชนแนลบางแชนแนลให้เห็นภาพสักหน่อย ตัวอย่างเช่น
แชนแนล Organic Video
แชนแนลนี้เป็นแชนแนลที่รวม Organic Traffic ที่มาจากกลุ่มเว็บไซต์ที่เป็น VDO Content ทั้งหมด เช่น YouTube, Dailymotion, Netflix.com, Disneyplus.com และเว็บไซต์วิดีโออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่เดิมใน GA3 ทราฟฟิคที่มาจาก Youtube จะถูกรวมในแชนแนล Social ดังนั้นถ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ เวลาใช้งาน Google Analytics ก็อาจจะตีความผิดพลาดได้ หรือถ้าทราบอยู่แล้วก็จะต้องเสียเวลาที่จะต้อง Drill Down ลงไปใน Social Channel เพื่อหาข้อมูล การมีแชน Organic Video จึงเป็นส่ิงที่ดีมาก
แชนแนล Paid Video
เห็นชื่อแชนแนลแล้วก็ชัดเจนว่าเป็นทราฟฟิคที่มาจากการซื้อ VDO ads เช่น Youtube Ads เป็นต้น นี่ก็เป็นอีก 1 แชนแนลใหม่ที่ออกมาแก้ปัญหาได้ตรงจุดมาก เนื่องจาก GA3 นั้น การเชื่อมโยงบัญชี Google Ads และ Google Analytics นั้น เราจะเห็นแชนแนลของ Google Ads มีอยู่เพียง 2 แชนแนลคือ Paid Search และ Display ซึ่งทราฟฟิคจาก Youtube Ads ก็จะถูกรวมกับ display ads ในแชนแนล Display พอเป็น GA4 ทราฟฟิคจาก Youtube Ads ก็จะถูกแยกออกมาเป็นแชนแนล Paid Video ตรงนี้ก็ทำให้การอ่าน Channel Report อ่านได้เคลียร์กว่าเดิมมาก
จาก 2 ตัวอย่างนี้ ก็น่าจะพอทำให้เห็นภาพแล้วว่า การที่ GA4 ปรับเพิ่ม Default Channel Grouping เป็น 18 แชนแนลนั้นมีประโยชน์ต่อการอ่านรีพอร์ทได้เคลียร์มากขึ้น ซึ่งนอกจาก 2 แชนแนลนี้แล้วก็ยังมีแชนแนล SMS และ Mobile Push Notifications มาให้เป็นดีฟอลต์ด้วย ซึ่งแต่เดิมใน GA3 หลายคนอาจจะใช้วิธีการสร้าง Custom Channel Grouping เพื่อกำหนดแชนแนลเหล่านี้ขึ้นมาเอง และที่ Google เพิ่มเข้ามาใน GA4 ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ Google เห็นข้อมูลตรงนี้แหละครับ ก็เลยนำมากำหนดเป็นดีฟอลต์ให้เลยไม่ต้องเป็นเสียเวลาสร้าง Custom Channel กันเอง และนี่อาจจะเป็นเหตุผลต่อเนื่องมาที่ใน GA4 ได้ยกเลิกการสร้าง Custom Channel Grouping ไปแล้ว จริงๆ ตรงนี้เองผมก็แอบเสียดายอยู่นะครับ ยังไม่อยากให้เอาออกไปเลย – -”
Channel ใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีอะไรบ้าง
- Paid Video
- Cross-Network
- Paid Social
- Audio
- Paid Others
- Organic Shopping
- Organic Social
- Organic Video
- SMS
- Mobile Push Notifications
GA4 มีวิธีการแบ่งและจัดกลุ่มทราฟฟิคอย่างไร
เรื่องนี้หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนผมว่า แล้ว GA4 ทราบได้อย่างไรว่าเว็บอะไรคือ Social อะไรคือ Organic Video เพื่อที่จะนำเอาไปจัดกลุ่มทราฟฟิคที่เข้ามาที่เว็บไซต์ ตรงนี้ต้องบอกว่านอกเหนือจาก Source/Medium หรือ Referral ใน Http Request แล้ว Google เองมีลิสต์รายชื่อจัดแบ่งหมวดหมู่เอาไว้หมดแล้ว ซึ่งทาง Google เองก็ได้แชร์ไฟล์นี้ให้คนที่สนใจอยากดูเพิ่มเติมไว้ในไฟล์ GA4 Source Categories ส่วนตัวผมเองโหลดมาเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว ในไลฟ์จะเป็นลิสต์รายชื่อเว็บไซต์หลักๆ ทั้งหมดเกือบหนึ่งพันเว็บไซต์ ที่ Google จัดแบ่งไว้เป็น 4 Categories คือ กลุ่มเว็บไซต์ Shopping กลุ่ม Social กลุ่ม Video และกลุ่มเว็บไซต์ประเภท Search Engine ซึ่งเวลาที่มีทราฟฟิคเข้ามาที่เว็บไซต์ GA4 จะเช็คว่าทราฟฟิคมาจากเว็บไซต์ที่อยู่ในลิสต์นี้หรือเปล่า หากอยู่ในลิสต์นี้ก็จะกำหนดแชนแนลให้ทราฟฟิคที่เข้ามาตามที่ระบุ Category ไว้นั่นแหละครับ
ไฟล์นี้จะมีการอัพเดทปีละครั้ง และหากเราต้องการให้ Google เพิ่มเว็บไซต์อะไรเข้าไปในแชนแนลใดก็สามารถส่งเมล์ไปได้ที่ googleanalytics-channelgrouprequests@google.com ยกตัวอย่างเข่น เว็บไซต์ pantip.com เราก็สามารถแจ้งไปได้ว่าเว็บนี้เป็นเว็บกลุ่ม Social เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทราฟฟิคจาก Pantip จะนับเป็นแชนแนล Referral (ถ้าหากไม่ติด UTM tagging) ส่วนทาง Google จะเปลี่ยนให้ตามที่ร้องขอหรือเปล่านั้นก็อีกเรื่องนะครับ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ Google โดยตรง
อ่านบทความ GA4 เพิ่มเติม รวมลิสต์บทความ GA4 อัพเดททุกสัปดาห์
Happy Analytics 🙂