สองวันก่อนได้มีโอกาสไปร่วมงาน facebook lunch and learn (private event) ซึ่งเป็นงานที่เฟซบุ๊คตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเอาข้อมูลที่น่าสนใจรวมถึง best practice ต่างๆ ของการทำโฆษณาสำหรับ e-commerce มาแชร์ให้เอเจนซี่ได้ฟัง แต่เนื่องจากเวลาของงานมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับหัวข้อที่เฟซบุ๊คได้แจ้งไว้ทำให้การพูดคุยค่อนข้องเร่งพอสมควร ข้อมูลต่างๆ ผมอาจจะเก็บมาได้ไม่ครบถ้วนนัก แต่จะพยายามสรุปเอาประเด็นสำคัญโดยเฉพาะเรื่องการออปติไมซ์โฆษณาของเฟซบุ๊คซึ่งหลายๆ คนน่าจะสนใจกันว่าเจ้าของสื่อโฆษณาอย่างเฟซบุ๊คเองมีคำแนะนำอย่างไร
ก่อนเข้าเรื่อง optimize มีหัวข้อหนึ่งที่เราต้องรู้ก่อนคือ ระบบ auction ของ facebook ซึ่งจะมีจัดลำดับการโฆษณาจากค่า Bid ซึ่งในงาน facebook ให้รายละเอียดว่า
Bid =advertiser bid X probability X f(like)
advertiser bid = ค่า bid ที่เรากำหนดไว้ เช่น cpc/cpm/ocpm
probability = estimated ctr/vtr ค่าประมาณการจากระบบของเฟซบุ๊ค (เฟซบุ๊คไม่ได้บอกวิธีการคำนวน แต่ส่วนหนึ่งคาดว่านำมาจาก performance ที่ ad account นั้นเคยทำได้)
f(like) = factor อื่นๆ เช่น like, comment, share ที่เกิดขึ้นกับโฆษณาตัวนั้น
ดังนั้นเมื่อคำนวนแล้วใครได้ค่า bid สูงสุดในการ target กลุ่มเป้าหมายเดียวกันจะมีโอกาสถูกแสดงโฆษณาก่อน
What to be optimized
เฟซบุ๊คอธิบายแยกเป็นหัวข้อหลักๆ 5 หัวข้อดังนี้
- Objective
อย่างแรกเลยคือ Objective ของโฆษณาจะต้องชัดเจนซึ่งจะทำให้เราเลือก Objective ในตอนเซ็ตแอดได้ตรงความต้องการเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด - campaign structure
“No overlapping targeted audience” คือสิ่งที่เฟซบุ๊คพยายามเน้น โดยเฉพาะ adset ภายใต้แคมเปญเดียวกันไม่ควรอย่างยิ่งที่จะรันหลายๆ adset ไปที่ target เดียวกัน เพราะจะทำให้โฆษณาของเราแข่งกันเองที่ target เดียวกัน บางครั้งแอดที่สำคัญๆ ที่เราอยากให้เห็นอาจจะถูกแอดอีกตัวหนึ่งมาแย่งพื้นที่ไปได้ - Bidding strategy
สำหรับแคมเปญเน้น conversion แล้วควรเลือก bidding แบบ oCPM > conversion ซึ่งก่อนที่เราจะเลือกได้จำเป็นต้องติด conversion pixel ก่อนเพื่อให้ facebook รู้ว่า conversion ที่เราต้องการคืออะไร - targeting
ต้องรู้ว่าใครคือ “ลูกค้า” ของเราในแคมเปญนั้น ช่วงอายุ ความสนใจ และอื่นๆ ยิ่ง target ได้ดีเท่าไรย่อมจะทำให้ CPA ของเราดีขึ้นเท่านั้น - Creative
ตัวชิ้นงาน artwork ของเราจะต้องน่าสนใจจริงๆ และ relevant กับกลุ่มเป้าหมายในข้อ 4 ด้วย คำแนะนำเพิ่มเติมค่าให้สังเกตุที่ค่า relevant score ซึ่งทางเฟซบุ๊คแนะนำว่า ควรมีค่ามากกว่า 8
เจ้าของ platform มาแชร์กันขนาดนี้ ลองนำไปปรับการซื้อโฆษณา facebook ads ดูนะครับ ว่าเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ ads performance ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
Happy Advertising 🙂