คนที่มีประสบการณ์ซื้อโฆษณา Google Ads จะรู้ว่าการออพติไมซ์ให้ Performance หรือผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการนั้นเป็นเรื่องที่ต้องลงรายละเอียดค่อนข้างมาก ยิ่งโดยเฉพาะกับ Search Ad แล้ว ย่ิงมีการเซ็ตติ้งต่างๆ มากมายเต็มไปหมด รวมไปถึงต้องวิเคราะห์รีพอร์ทต่างๆ ก่อนที่จะลงมือปรับโฆษณา
หลักการพื้นฐานของการออพติไมซ์ Google Ads
หลักการง่ายๆ เบื้องต้นของการออพติไมซ์แอดก็คือ การหาให้พบก่อนว่า อะไรที่มี Performance ดี และอะไรที่กำลังฉุด Performance ให้แย่ลง ซึ่งคำว่า “อะไร” ในที่นี้หมายถึงค่า Dimensions หรือ Segments ต่างๆ ที่มีอยู่ในรีพอร์ท ยกตัวอย่างเช่น Keywords และ Search Terms อะไรที่มี Conversion ดี หรืออะไรที่ไม่มี Conversion เลย ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่า Keywords ที่ดีนั้น เวลาแสดงผลอยู่อันดับที่เท่าไร และ Keywords นั้นเข้าถึงปริมาณการค้นหาทั้งหมดหรือยัง รวมไปถึงกลุ่ม Conversion ส่วนใหญ่มาจากการซื้อผ่านอุปกรณ์อะไร มือถือ แทปเล็ต เดสก์ทอป เพศ อายุช่วงไหนที่สร้าง Conversion มากที่สุด เป็นต้น เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับ Bidding Strategy ปรับ CPC ทำ Negative Keywords รวมไปถึงการทำ Exclusion สิ่งที่กำลังฉุด Performance อยู่ ดังนั้นส่ิงที่คนออพติไมซ์โฆษณาจะต้องทำคือ การดูและวิเคราะห์รีพอร์ทจำนวนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Search terms report, Auction Insight หรือการทำ Segment ด้วยเงื่อนไขต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมีรายละเอียดเยอะ และใช้เวลาเวลาค่อนข้างมาก หน้าที่ออพติไมซ์แอดจึงค่อนข้างที่จะต้องมีความละเอียดและเข้าใจ Dimensions และ Metrics ต่างๆ มากพอสมควร ถ้าต้องการให้ผลลัพธ์ดีมากที่สุด แต่ความสนุกของคนที่ชอบออพติไมซ์ก็อยู่ตรงนี้แหละครับ 🙂
การออพติไมซ์ง่ายๆ อย่างหนึ่งที่เป็นพื้นฐาน และเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ก็คือการทำ Campaign Budget Allocation พูดง่ายๆ ก็คื การแบ่งสัดส่วนการใช้เงินให้มากขึ้นสำหรับแคมเปญที่มีPerformance ที่ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีแคมเปญโฆษณา 3 แคมเปญที่กำลังรันอยู่ แต่เราพบว่ามีอยู่แคมเปญสินค้า A มี ROAS (return on ad spending) ดีมากๆ แทนที่เราจะแบ่งเงินที่มีให้แต่ละแคมเปญเท่ากัน เราก็จะเริ่มถ่ายโอนเงินจากแคมเปญ B และ C ที่ Performance ไม่ดีออกมาใช้กับแคมเปญที่ดีให้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งพอทำแบบนี้ภาพรวมของ Performance ก็จะดีขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมครับ ใครๆ ก็ทำได้ แต่… Continue reading